🏦วิกฤตระบบประกันสังคมของสหรัฐฯ SSA
กองทุนประกันสังคม Social Security กำลังเผชิญปัญหาใหญ่
ความจริงที่ทุกคนควรรู้
สวัสดีค่ะ หยกมาอีกแล้ว วันนี้จะมาคุยเรื่องที่หลายคนกังวลกันมาก คือข่าวที่ว่า Social Security Administration (SSA) กำลังจะไม่มีเงินจ่าย จริงหรือเปล่า แล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับพวกเราบ้าง มาดูกันค่ะ
สถานการณ์ปัจจุบันของ Social Security Trust Funds
ตามรายงาน Trustee Report ล่าสุด ระบุว่า Social Security Trust Funds กำลังเผชิญปัญหาจริง หยกจะอธิบายเรื่อง Trust Funds แยกกันให้ชัดเจน ค Social Security มี 2 กองทุนแยกกัน
แยกดู Trust Funds ทั้ง 2 กองทุน
1. Old-Age and Survivors Insurance (OASI) Trust Fund:
- คาดว่าจะหมดในปี 2035
- นี่คือกองทุนใหญ่ที่จ่าย retirement benefits และ survivor benefits
- ครอบคลุมคนส่วนใหญ่ที่ได้รับ Social Security
2. Disability Insurance (DI) Trust Fund:
- สถานการณ์ดีกว่ามาก คาดว่าจะอยู่ได้ถึงปี 2098
- จ่ายให้กับผู้ที่ทุพพลภาพและครอบครัว
- กองทุนนี้เคยเกือบหมดในปี 2016 แต่ได้รับการแก้ไขแล้ว
Combined OASDI (รวมทั้ง 2 กองทุน):
- เมื่อดูรวมกัน คาดว่าจะหมดในปี 2035
- หลังจากนั้นจะจ่ายได้ประมาณ 75% ของ scheduled benefits
ทำไม DI Trust Fund ถึงอยู่ได้นานกว่า?อธิบายง่ายๆ ว่า:
- จำนวนผู้รับน้อยกว่า – คนที่ได้รับ disability benefits มีน้อยกว่า retirement benefits มาก
- การปฏิรูปที่ผ่านมา – มีการปรับเกณฑ์การได้รับ disability benefits ให้เข้มงวดขึ้น
- อัตราการเติบโตที่ช้ากว่า – จำนวนคนขอ disability benefits เติบโตช้ากว่าจำนวนคนเกษียณ
ผลกระทบต่อแต่ละกลุ่มอายุ (ปรับปรุงตามข้อมูล 2033)
1. คนที่เกษียณแล้ว (อายุ 67+ ในปี 2025):
- จะได้รับ benefits เต็มจำนวนอีกแค่ 8-9 ปี
- ตั้งแต่ปี 2035 อาจได้รับลดลงเหลือ 75%
2. คนที่ใกล้เกษียณ (อายุ 59-66 ในปี 2025):
- คนที่อายุ 59 ในปี 2025 จะอายุ 67 ในปี 2033 พอดี
- กลุ่มนี้แทบไม่ได้รับ benefits เต็มจำนวนเลย หรือได้แค่ช่วงสั้นๆ
3. Generation X (เกิดปี 1965-1980, อายุ 45-60 ในปี 2025):
- ได้รับผลกระทบมาก เพราะจะเกษียณหลังปี 2032
- อาจไม่เคยได้รับ benefits เต็มจำนวนเลย
4. Millennials (เกิดปี 1981-1996, อายุ 29-44 ในปี 2025):
- ได้รับผลกระทบมากที่สุด
- ยังมีเวลาวางแผนและปรับตัว แต่ต้องเตรียมการออมเพิ่มเติม
5. Generation Z (เกิดหลังปี 1997):
- มีเวลาเตรียมตัวมากที่สุด
- ควรวางแผนโดยไม่พึ่งพา Social Security เป็นหลัก

แล้วจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากกองทุนหมด?
หยกอยากให้ทุกคนเข้าใจนะคะว่า “หมด” ไม่ได้แปลว่าจะไม่มีเงินจ่ายเลย แต่หมายความว่า:
- OASI Trust Fund ที่จะหมดในปี 2033 นี้เป็นกองทุนหลักที่กระทบคนส่วนใหญ่
- จะจ่ายได้แค่เท่าที่เก็บภาษีได้ในปัจจุบัน
- คาดว่าจะจ่ายได้ประมาณ 70 – 80% ของ benefits ที่ควรได้ ไม่ใช่ 0%
- ตัวอย่าง: ถ้าควรได้ $2,000/เดือน อาจได้แค่ $1,580/เดือน
- ไม่มี reserves หรือเงินสำรอง
- ระบบจะเปลี่ยนเป็น pay-as-you-go อย่างเต็มรูปแบบ
- คนทำงานรุ่นปัจจุบันจ่ายภาษี = จ่ายให้คนเกษียณทันที
ทางแก้ที่เป็นไปได้
หยกเชื่อว่ารัฐบาลคงไม่ปล่อยให้ระบบล่มจริงๆ หรอกค่ะ มีทางเลือกหลายอย่าง:
1. เพิ่มภาษี Social Security:
- ปัจจุบันเก็บ 12.4% (นายจ้างและลูกจ้างอย่างละครึ่ง)
- อาจต้องเพิ่มเป็น 15.8-16.1% เพื่อให้ระบบอยู่รอด
2. เพิ่มเพดานรายได้ที่ต้องเสียภาษี:
- ปี 2025 เก็บภาษีจากรายได้สูงสุด $176,100
- อาจยกเพดานหรือยกเลิกเพดานเลย
3. เพิ่มอายุเกษียณ:
- ปัจจุบัน full retirement age คือ 67 ปี
- อาจเพิ่มเป็น 68-70 ปี
4. ลด benefits:
- ลด COLA (Cost-of-Living Adjustments)
- Means testing – คนรวยได้รับน้อยลง
- ลด benefits สำหรับคนที่เกษียณก่อนกำหนด
5. การผสมผสานหลายวิธี:
- น่าจะเป็นทางออกที่เป็นไปได้มากที่สุด
- แบ่งภาระให้ทุกกลุ่ม
อย่าตื่นตระหนก – Social Security จะไม่หายไปทั้งหมด แต่อาจจะได้น้อยลง
- วางแผนการเงินส่วนตัว:
- เพิ่มการออมใน 401(k), IRA
- ลงทุนระยะยาว
- สร้างรายได้หลายทาง
- ติดตามข่าวสาร – การแก้ไขอาจเกิดขึ้นในอีก 5-10 ปีข้างหน้า
- คิดแบบ Conservative:
- วางแผนโดยคาดว่าจะได้ Social Security แค่ 70-80%
- ถ้าได้เต็มจำนวนก็ถือว่าเป็น bonus
- สำหรับคนรุ่นใหม่:
- Social Security ควรเป็นแค่ 1 ใน 3 ของรายได้หลังเกษียณ
- อีก 2 ส่วนมาจากการออมส่วนตัวและ employer benefits
หยกว่าเรื่องนี้เป็นปัญหาที่ทุกประเทศที่มีสังคมผู้สูงอายุต้องเผชิญค่ะ ประเทศอื่นๆ ก็มีการปรับระบบกันมาแล้ว อเมริกาคงต้องทำเช่นกัน ที่สำคัญคือเราต้องเตรียมตัวและวางแผนให้ดี ข้อมูลนี้ควรเป็น wake-up call สำหรับทุกคนนะคะ โดยเฉพาะคนที่อายุต่ำกว่า 60 ปี ควรเริ่มวางแผนการเงินส่วนตัวอย่างจริงจัง และอย่าพึ่งพา Social Security เป็นแหล่งรายได้หลักเพียงอย่างเดียวในวัยเกษียณค่ะ
จำไว้นะคะว่า ยิ่งเริ่มวางแผนเร็วเท่าไหร่ ยิ่งมีเวลาปรับตัวและสร้างความมั่นคงให้ตัวเองมากขึ้นเท่านั้น อย่ารอให้ใกล้เกษียณแล้วค่อยมาเริ่มคิด เพราะอาจจะสายเกินไปแล้วค่ะ