🤩หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่า ประกันชีวิตปัจจุบันนี้ ไม่ใช่ทำไว้ให้คนข้างหลังแต่เอาไว้ดูแลผู้เอาประกันเอง และเนื่องจากการแข่งขันในตลาดประกันชีวิตสูงมาก หลายบริษัทจึงพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้เป็นที่ต้องการของผู้บริโภค เป็นที่ยอมรับในตลาด ส่งผลให้ปัจจุบันนี้มีผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตออกมาให้เราเลือกมากขึ้น พร้อมทั้งพัฒนาปรับปรุงให้ดีขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกับเทคโนโลยีของโทรศัพท์และรถยนต์นั่นหละคะ
😊ก่อนอื่นเราต้องมาปรับทัศนะคติกันก่อนนะคะ เรื่องแรกที่เราต้องจูนให้ตรงกันคือ ประกันชีวิตคุ้มครองตลอดชีพ หรือก็คือ permanent life insurance ไม่ใช่ whole life นะคะ ซึ่ง permanent life insurance ก็จะมีหลายแบบด้วยกัน whole life ก็จัดว่าเป็นประกันชีวิตอยู่ใน permanent life insurance ค่ะ อ่านเพิ่มเติมได้จากตรงนี้นะคะ [Permanent Life insurance]
😊ทัศนคติที่ตรงจูนให้ตรงเรื่องที่ 2 คือ ประกันชีวิตคุ้มครองโรคร้ายแรงผู้เอาประกันหรือ insured สามารถ เคลมเงินจากส่วนของ death benefit ออกมาใช้ดูแลตัวเองได้ หากป่วยเป็นโรคร้ายแรงที่บริษัทประกันคุ้มครองนะคะ เราเรียกง่ายๆ ว่า living benefit ค่ะ จะไม่เหมือนประกันชีวิตที่พ่วงประกันสุขภาพอย่างของเมืองไทยนะคะ จะเคลมได้ก็ต่อเมื่อผู้เอาประกันป่วยเป็นโรคร้ายแรงที่บริษัทกำหนดเท่านั้น
😊ทัศนคติที่ตรงปรับเรื่องที่ 3 คือ ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ในอเมริกาเป็น permanent life insurance หรือคุ้มครองตลอดชีพ ที่หยกมักจะพูดถึงเสมอนั่นคือ IUL หรือ Index Universal Life Insurance และสามารถนำเงินออกมาใช้ได้ยาวนานและคนข้างหลังยังได้รับเงิน death benefit แม้ผู้เอาประกันจะนำเงินมาใช้แล้วเป็นสิบปี จะไม่เหมือนเมืองไทยที่ออกแบบมา ให้เลือกจ่ายเบี้ยได้ และคุ้มครองแค่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง อย่างเช่น โครงการ 20/10 โครงการจ่าย 10 ปี คุ้มครอง 20 ปี ไม่ได้คุ้มครองตลอดชีพนะคะ
โม้รึเปล่า มีด้วยเหรอผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตที่ทั้งสะสมทรัพย์ คุ้มครองโรคร้ายแรง คุ้มครองชีวิตของผู้เอาประกัน ตอนมีชีวิต และเสียชีวิตก็ปกป้องคนข้างคนที่เรารักได้อีก
![](http://whybuylifeinsurance.us/wp-content/uploads/2018/08/nono.jpg)
มีสิคะ ไม่ได้โม้ มันคือ Index Universal Insurance หรือ IUL with Living benefit นั่นเองค่ะ ซึ่งก็รู้ๆ กันนะคะ ว่า IUL คือโปรดักสะสมทรัพย์ที่มี flexible premium และเมื่อเอามารวมกับ Living benefits แล้วยิ่งทำให้มันคุณค่ามากขึ้นไปอีกค่ะ
🤩หากผู้เอาประกันแข็งแรง อยู่ยงคงกระพันชาตรี ก็แน่นอนว่า สามารถนำเงินที่สะสมไว้ในเล็มออกมาใช้ได้ เป็น Supplemental retirement แบบ Tax-free
🎗แต่ถ้าหากผู้เอาประกันเจ็บป่วยเป็นโรคร้ายแรง และต้องใช้เงินรักษาตัวจำนวนมาก Living benefits จะเป็นพระเอกของท่านในทันทีค่ะ
แล้ว Living benefits คืออะไร มีประโยชน์กับผู้เอาประกันยังไร ?
Living benefits เป็น rider หรืออนุสัญญาแนบมากับผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต ผลิตภัณฑ์ปัจจุบันส่วนมากเป็น free rider หากซื้อผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตที่มี living benefit แล้ว ผู้เอาประกันจะสามารถเคลมมาใช้ดูแลตัวเองได้ หรือพูดง่ายๆ ว่า เอาไว้ดูแลตัวเราเองยามจำเป็นค่ะ โดยแต่ละผลิตภัณฑ์ของแต่ละบริษัทก็จะมีให้ไม่เหมือนกัน และ Living benefits เด่นๆ มีอยู่ 4 riders ค่ะ
- Terminal illness rider
ประกันชีวิตสำหรับคนอายุสั้นอย่างคาดไม่ถึง กล่าวคือผู้เอาประกันหรือ insured สามารถเคลมเงินจาก death benefit ได้บางส่วน หากได้รับได้วินิจฉัยจากแพทย์ว่าคุณไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้เกิน 12 เดือน (หรือ 24 เดือนสำหรับบางบริษัท ) เพียงแค่มี certificated of terminal illness จากหมอมายืนยัน คุณก็สามารถเคลมได้ค่ะ
- Critical illness rider
คุ้มครองโรคร้ายแรง หากผู้เอาประกัน(insured) ป่วยเป็นโรคร้ายแรงที่บริษัทกำหนดความคุ้มครองไว้ ส่วนมากจะเป็นโรคมะเร็ง โรคหัวใจ stroke เป็นต้น หากเจ็บป่วยเพราะโรคร้ายแรง มีใบรับรองแพทย์ ผู้เอาประกันสามารถเคลม rider ตัวนี้ เพื่อนำเงินจาก death benefit ออกมาใช้ บางบริษัทสามารถนำมาใช้ได้ up to 100% เช่นคุณทำ death benefit 500,000 แต่คุณจ่ายเบี้ยทั้งหมดไม่กี่หมื่น หากเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย คุณอาจจะสามารถนำเงินออกมาใช้ได้ up to $500,000 เป็นต้น ลองปรึกษา กูรูด้านประกันชีวิตดูนะคะ
- Chronic illness rider หากผู้เอาประกันไม่สามารถ ทำ daily activity 2 ใน 6 อย่าง คือมี อาบน้ำ กินข้าว แต่งตัวเอง เคลื่อนย้ายตัวเอง เข้าห้องส้วม อั้นปัสสวะ/อุจาระ ถ้าทำสองในหกอย่างที่ว่ามานี้ไม่ได้ qualified ค่ะ
หรือ หากเป็นโรคเกี่ยวกับระบบสมอง อย่าง อัลไซเมอร์ หรือ Parkinson โรคใดโรคหนึ่ง อาการของโรคต้องมีอย่างน้อย 90 วัน( หรือ elimination period) ถึงจะ claim ได้ หรือจะให้ใจง่ายขึ้น chronic illness rider นั้น ก็คือ long-term care นั่นเองค่ะ ถ้าเป็น free rider (101g) จะได้เป็น discounted rate นะคะ ได้มากน้อยขึ้นอยู่กับว่าเราถือเล่มกรรมธรรม์มานานแค่ไหน และอาการรุนแรงแค่ไหนด้วย อีกแบบหนึ่งสำหรับ chronic illness ที่มี cost up front (IRS 7702) แต่ว่าจะมีการจ่ายแบบที่เราเลือกได้ว่าต้องการใช้ 2% หรือว่า 4% แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องไม่เกินข้อกำหนดไม่เกิน $360/วัน หรือ ไม่เกิน $10,800/เดือน
- Critical injury rider
ไม่ว่าจะเป็นการบาดเจ็บ จากอุบัติทางรถยนต์ ทางเดิน ทางจักรยาน อุบัติเหตุจากทางใดก็แล้วแต่ เป็นเหตุให้ผู้เอาประกันบาดเจ็บรุนแรง กระทบกับการใช้ชีวิตประจำวัน ไม่สามารถใช้ชีวิตปกติได้ ก็สามารถเคลมได้ค่ะ
![](http://whybuylifeinsurance.us/wp-content/uploads/2018/10/backrupcy2.png)
![](http://whybuylifeinsurance.us/wp-content/uploads/2018/10/iknow_worldknow.png)
Living benefit จำเป็นอะไร ทำไมต้องใช้? หากจะพูดกันตามจริง แบบโลกไม่สวย ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลที่อเมริกาแพงมาก มิหนำซ้ำต่อให้คุณหน้าที่การงานดี เงินเดือนสูงลิบแต่ถ้าเมื่อไหร่ ที่ป่วยหนักขึ้นมา สิ่งที่คุณมีก็อาจจะมลายหายสูย เพราะต้องใช้จ่ายในจำนวนที่สูงมาก มิหนำซ้ำคนในครอบครัวต้องออกมาดูแล มันจะดีกว่าไหม หากคุณมีเงินส่วนนี้ไว้ดูแลตัวเอง และปกป้องคนที่คุณรักไม่ให้แบกรับภาระหากเกินอะไรขึ้นอย่างไม่คาดฝัน ในยามคับขันมีเงินช่วยเสริมขึ้นมาโดยที่ไม่ต้องควักกระเป๋าจำนวนมหาศาลมาใช้จ่ายในส่วนนี้ หยกทำงานนี้มาหลายปีเห็นหลายตัวอย่างที่ทำให้สรุปชีวิตตัวเองได้ว่า "กันไว้ดีกว่าแก้ เพราะชีวิตคือความไม่แน่นอน"
IUL with Living benefits คืออีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่หยกอยากจะแนะนำ เรื่องดีๆ แบบนี้ต้องรีบแชร์ค่ะ ถึงตรงนี้ต้องขอออกตัวว่า หยกไม่ได้กั๊กข้อมูลแต่อย่างใด แต่ที่เอาความรู้มาแชร์และไม่บอกชื่อผลิตภัณฑ์เพราะมีหลายสาเหตุ แต่หลักๆ คือ มีโปรดักเยอะมาก และแต่ละคนก็มีความต้องการ และความจำเป็นไม่เหมือนกัน อีกทั้งคนที่เข้ามาอ่าน มาจากหลายๆ ที ต่างรัฐกันโปรดักบางตัวอาจจะไม่ available ในบางรัฐ ซึ่งถ้าหยกเอาตัวอย่าง รายละเอียดมาว่ากันจริงๆ ก็คงจะสิบหน้าก็คงไม่จบแน่ๆ ฉะนั้นควรจะปรึกษา กับผู้รู้จริงๆ ซึ่งสามารถทำได้ฟรี และไม่มีข้อผูกมัดใดๆ