คนที่มีโรคประจำตัวทำประกันชีวิตได้มั๊ย?
ข่าวดีคือ ทำได้ค่ะ ทำแบบตรวจสุขภาพปกติ โรคเบาหวาน ไทรอยด์ ความดัน และ stroke แบบอ่อน อื่นๆ สามารถทำได้ และถ้าดูแลรักษาสุขภาพดีก็มีสิทธิ์ได้เรทสุขภาพเท่ากับคนสุขภาพปกติ เบี้ยประกันชีวิตไม่แพงอย่างที่ท่านคิด เพราะปัจจุบันนี้มีบริษัทประกันที่มี feature ที่เรียกว่า table shaving เปิดโอกาสให้คนที่สุขภาพไม่ดี มีโรคประจำตัว ทำประกันชีวิตได้ค่ะ บริษัทสามารถรับความเสี่ยงได้
วันนี้หยกจะมาแนะนำ Table shaving ให้ทุกท่านได้รู้จักกันค่ะ
อะไรคือ Table shaving เป็น feature ที่เพิ่มเติมเข้ามาในโปรดักบางตัว ของบางบริษัท(ไม่ใช่ทุกบริษัทประกันชีวิตจะมีนะคะ) ที่เรียกให้เข้าใจง่ายๆ ว่า Friendly กับโรค จริงๆ แล้วบริษัทประกันที่เป็นมิตรกับโรคนั้นแทบจะ แตกต่างกับบริษัทปกติ มีมาตราฐาน ความเป็นมืออาชีพ และมั่นคงไม่ต่างกัน แต่ที่เพิ่มเติมเข้ามาคือ feature ที่จะทำให้คนที่สุขภาพไม่ปกติได้มีเรทสุขภาพเหมือนคนปกติ ทำเรทสุขภาพต้องสำคัญ เพราะมันเป็นตัวบ่งชี้ความเสี่ยงของผุ้เอาประกัน(insured) หนะสิคะ แล้ว Table Shaving ทำงานอย่างไร
ปกติแล้วบริษัทประกันจะให้เรทสุขภาพลูกค้าขึ้นอยุ่กับสภาวะสุขภาพกาย lifestyle ของลูกค้ามีผลด้วยเช่นกัน เรามาพูดถึงเรื่องสุขภาพกายกันก่อนนะคะ บริษัทประกันมีเรทสุขภาพของคน คือ สุขภาพดีเยี่ยม หรือ Preferred plus/preferred elite/super preferred รองลงมาสุขภาพดีมาก ก็จะเป็น preferred สองเรทนี้มี cost of insurance น้อยเหมือนเป็น discount ของเบี้ยประกันให้ไปในตัว ส่วนคนที่มีสุขภาพปกติจะได้เรทเป็น standard rate
ถ้าผู้เอาประกันป่วยหรือมีโรคประจำตัวได้เรทสุขภาพต่ำกว่า standard ทางบริษัทประกันจะจัดว่าเป็น special risk หรือเป็น substandard โดยจัดลำดับความเสี่ยงเรียกว่า Table ตามลำดับความเสี่ยงน้อยไปหามาก บางบริษัทใส่ตัวเลข table 1, 2, 3, 4, 5, 6… หรือบางบริษัทจะเรียก Table ตามลำดับตัวอักษร A B C D E F…. คือมีความเสี่ยงมากกว่าคนปกติ แปลว่าถ้าได้เรทสุขภาพ table ก็จะได้จ่ายเบี้ยแพงตามลำดับตัวอักษรหรือลำดับตัวเลขเลยค่ะ
Table Shaving มีบทบาทตรงนี้ หากลูกค้าได้เรทสุขภาพ เป็น substandard Table A ถึง table C ทางบริษัทประกันจะปัดให้ได้เรทสุขภาพปกติ หรือ standard rate จะทำให้เบี้ยประกันชีวิตของผู้เอาประกัน(insured) เท่ากับคนที่มีสุขภาพปกติ เมื่อเทียบกับบริษัทที่ไม่มี table shaving หรือไม่ friendly กับโรคแล้วหละก็ คุณอาจจะต้องจ่ายเบี้ยแพงกว่าหลายเท่าตัว
แต่มีเงื่อนไขก็มีแค่ว่า ผู้เอาประกัน(insured) ต้องดูแลตัวเอง ไปตามที่แพทย์นัด ทำตามแพทย์แนะนำ underwriter ของบริษัทประกันชีวิตจะต้องขอ APS หรือชื่อเต็มคือ Attending Physician Statement จากแพทย์ประจำตัวของผู้เอาประกัน ไม่สามารถหลอกได้อยู่แล้ว เพราะในนั้นจะบันทุกประวัติการรักษาของคุณ อาการต่างๆ ที่คุณไปพบแพทย์ และรวมถึงประวัติคนใครครอบครัวถ้ามีโรคประจำตัวบางคนระบุไว้
จริงๆ แล้ว หยกอยากแอบกระซิบว่า บริษัทประกันชีวิตไม่ได้ใจร้ายนะคะ เขาจะดูว่าคุณรู้ตัวไหมว่าตัวเองป่วย follow up กับแพทย์ตามตารางนัดไหม lifestyle บ่งบอกถึงการดูแล และใส่สุขภาพหรือไม่ แบบนี้บริษัทประกันชอบมากๆ ค่ะ เพราะมันหมายถึง หากเขารับรองความเสี่ยงให้ใครสักคนแล้วบริษัทไม่มีความเสี่ยงมากจนเกินไป แน่นอนค่ะ
สำหรับคนที่สุขภาพไม่ดี agent จะต้องทำงานเพิ่มขึ้นอีกนิด ข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับการรักษา ยาที่รับประทาน รวมถึงตารางการหาหมอ Agent ต้องทราบและต้องมีการเขียนรายละเอียดหลายๆ อย่าง แจ้งทางบริษัทประกัน เพราะทางบริษัทประกันจะเห็นแค่ผลรายงานจากหมอ และผลเลือด ซึ่งอาจจะไม่เข้าใจถึงข้อมูลทั้งหมดของลูกค้า หน้าที่ของเอเจ้นต้องทำให้ตรงนี้กระจ่างค่ะ หรือในกรณีที่เป็นโรคที่หนัก เช่น มะเร็งที่รักษาหายไปแล้ว หรือ stroke อาจจะต้องทำ pre-underwriting เข้าไปเช็คกับทางบริษัทประกันก่อนว่ามีบริษัทไหนรับบ้าง และรับในเรทความเสี่ยงระดับใดแบบคร่าวๆ และต้องบอกก่อนเลยว่า สำหรับบางเคสที่เคยป่วยหนักมาก่อน ยื่นไปครั้งสองครั้งอาจจะไม่ผ่าน แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่ผ่านตลอด ในบางครั้งอาจจะต้องยื่นไปมากกว่าสามครั้ง (จากประสบการณ์ตรงนะคะ) บางเคสที่ผู้เอาประกันยังมีความเสี่ยงที่ยังไม่ได้รับการรักษา บริษัทประกันอาจจะต้องชะลอการ approve ของเล่มจนกว่าจะได้เห็นผลของการรักษาหรือการตรวจค่ะ
แล้วถ้าฉันเกิดเสียชีวิตกระทันเพราะโรคที่ฉันเป็นหละ บริษัทประกันชีวิตจะจ่ายรึเปล่า?
แน่นอนค่ะ ว่าได้เต็มจำนวน Death benefit หากมีการตรวจสุขภาพและบริษัทประกันยินดีรับความเสี่ยงประกันชีวิตผู้เอาประกันแล้ว จ่ายแน่นอนค่ะ จำได้ไหมคะหยกเคยบอกว่า ประกันชีวิตเป็นจริง ณ ขณะที่ทำ เพราะมันเป็น legal contract หากเสียชีวิตภายในสองปี บริษัทมีสิทธิ์ในการตรวจสอบว่า ทุกอย่างตอนที่ทำเป็นจริงหรือไม่ เสียชีวิตผิดปกติรึเปล่า หากมีความล่าช้านานเกินไปในการจ่าย death benefit หากผลตรวจสอบออกมาว่าเสียชีวิตปกติแล้ว บริษัทประกันจะต้องจ่ายดอกเบี้ยให้ beneficiary นับตั้งแต่วันที่เสียชีวิตเลยค่ะ
เลือกประกันชีวิตให้เหมาะกับตัวท่านและครอบครัวมีชัยไปกว่าครึ่ง เพราะมันสำคัญกับชีวิตคุณและคนที่คุณรักมากๆ ค่ะ และตอนนี้ทุกท่านที่อ่านคงจะทราบแล้วว่า คนที่มีโรคประจำตัวก็สามารถทำประกันชีวิตได้ 🙂
